เหลือปอดข้างเดียว มีชีวิตอยู่ได้หรือไม่? (กรณี ปอ ทฤษฎี)

หลังจากที่มีข่าวว่า เช้าวันที่ 24 ธันวาคม 2558 คุณปอ ทฤษฎี สหวงษ์ จะเข้าทำการผ่าตัดเอาปอดซ้ายออก เนื่องจาก มีอาการอักเสบจนถุงลมรั่ว หลายคนจึงกังวลว่า ในกรณีที่คนเหลือปอดข้างเดียว มีชีวิตอยู่ได้หรือไม่? วันนี้ Zcooby ขอนำเอาชีวิตของชายคนหนึ่งที่เหลือปอดข้างเดียว แต่สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ด้วยตัวเองมาฝากครับ

Sean_Swarner_Book

ชายคนนี้มีชื่อว่า ฌอน สวอร์เนอร์ (Sean Swarner) เขาเป็นชายผู้ต่อสู้เอาชนะมะเร็งมาสองครั้งในชีวิต เหลือปอดเพียงข้างเดียว แต่ปีนเจ็ดยอดเขาสูงสุดของโลกจนสำเร็จ …

 

เขาถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งถึงสองครั้ง และทั้งสองครั้ง หมอต่างก็มีความเห็นว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่นาน

แต่เขาได้พิสูจน์แล้วว่า สิ่งที่หมอวินิจฉัยนั้นผิด!!

เขาเล่าว่า เมื่ออายุเพียง 13 ปี ในขณะที่เขากระโดดขึ้น เพื่อชู๊ตลูกบาสเกตบอลล์ แล้วรู้สึกเจ็บแปล๊บที่บริเวณหัวเข่า สองสามวันหลังจากนั้น อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น ลุกลามทำให้บริเวณข้อต่อในร่างกายบวมเป่งขึ้นมา”

หมอได้วินิจฉัยว่า เขาเป็นมะเร็งซึ่งเรียกว่า Hodgkins lymphoma และบอกว่า เขาคงอยู่ได้ไม่เกินสามเดือน

“…มีหลายครั้ง เมื่อผมเข้านอนผมไม่มั่นใจ ว่าจะตื่นขึ้นมาในวันถัดไปหรือไม่ คุณพ่อและคุณแม่ นอนเป็นเพื่อนที่พื้นข้างเตียงของผม..”

ผมของฌอนหลุดร่วงจากการรักษา เขาสูญเสียเพื่อนๆไป เขาไม่สามารถออกกำลังกายอะไรได้อีกเลย อย่างไรก็ตาม เขายังสามารถหยัดยืนอยู่ได้ อันเนื่องจาก การผสมผสานของ การรักษาด้วยยาสมัยใหม่ ความรักเอื้ออาทรของครอบครัว การสวดมนต์ต่อพระเจ้า และ จิตใจอันแข็งแกร่งที่จะยืนหยัดต่อไป

แต่หนึ่งปีให้หลัง เมื่อเขากลับไปตรวจร่างกาย ก็พบกับสิ่งคุกคามใหม่

“…หมอพบก้อนเนื้อขนาดเท่าลูกกอล์ฟในปอดข้างขวา” คราวนี้ หมอวินิจฉัยว่า เขาไม่น่าจะอยู่เกินสองสัปดาห์
“..นั่นเป็นช่วงที่ผม..ขาดสะบั้นลง ผมกลับไปถึงบ้าน ล้มนอนบนเตียง ซบหน้าลงกับหมอน แล้วก็เริ่มต้นร้องไห้.. และ ร้องไห้..”

ปัจจุบัน สวอร์เนอร์ มีอายุ 34 ปี เขาเป็นผู้ป่วยคนเดียว ซึ่งสามารถมีชีวิตรอดจากมะเร็งทั้งสองชนิด

ผลจากโรคร้ายนี้ เขาจึงมีปอดเหลืออยู่เพียงข้างเดียว

แต่อุปสรรคที่เขาเผชิญ และ ซึ่งเขาสามารถก้าวข้ามมา กลับเป็นแรงบันดาลใจ ให้เขามีเป้าหมายที่สำคัญในชีวิต

“ผมมีเป้าหมาย ที่จะสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อให้คนอื่นๆที่อยู่ในสภาพคล้ายผม มีแรงขับเคลื่อนสำหรับตนเอง..”

เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น สวอร์เนอร์ มองไปที่ยอดเขาสูงที่สุดในโลก ภูเขาหิมาลัย

“..ทุกคนต่างบอกผมว่า ไม่มีทางที่ใครจะช่วยพาไอ้หนุ่มที่มีปอดข้างเดียว และ ผู้ซึ่งรอดตายจากมะเร็งถึงสองครั้ง ไปยังยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกนั้นได้..”

แต่เขาก็ไม่หวั่นไหว

บนเขาสูงนั้น เขาต้องเผชิญกับ ลมซึ่งมีความเร็วถึง 100 ไมล์ต่อชั่วโมง พายุหิมะ การถล่มทะลายของหิมะ และ ภาวะขาดแคลนออกซิเจน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ แม้แต่นักปีนเขาที่ชำนาญการ ก็แทบจะคุกเข่ายอมแพ้

sean

สำหรับสวอร์เนอร์ การปีนภูเขาหิมาลัย คล้ายคลึงกับการต่อสู้กับมะเร็งเป็นอย่างมาก

“ทุกคน ต่างมีภูเขาหิมาลัยที่ตนต้องปีน ทุกคนต่างต้องเอาชนะภูเขาสูงของตนเอง การต่อสู้กับมะเร็งร้าย และ การเยียวยารักษามันนั้น เป็นการต่อสู้ที่เป็นเช่นการเข็นครกขึ้นภูเขาตลอดเวลา..”

สวอร์เนอร์เป็นผู้รอดชีวิตจากมะเร็งร้ายเพียงคนเดียว ที่สามารถพิชิตยอดเขาหิมาลัยสำเร็จ

เขามีความเชื่อมั่นว่า กายของมนุษย์ สามารถทำทุกสิ่ง ที่ใจของเราฝันเห็น และสวอร์เนอร์ เป็นข้อพิสูจน์ที่มีชีวิต ซึ่งบ่งบอกว่า ทัศนคติเชิงบวก สามารถนำพาชีวิตเราไปสู่มิติที่สูงขึ้นได้เสมอ

“หากแม้ ผู้ที่รอดชีวิตจากมะเร็งมาแล้วถึงสองครั้ง และ เหลือปอดเพียงข้างเดียว สามารถปีนภูเขาซึ่งสูงที่สุดในโลกสำเร็จ ใครๆในโลกนี้ ก็ควรจะทำอะไรก็ตามที่ตนเองตั้งใจได้เช่นเดียวกัน..”

ปัจจุบัน สวอร์เนอร์ ได้ปีนไปถึงยอดของภูเขาสูงที่สุด ในเจ็ดทวีปของโลกได้ สำเร็จ

 

ที่มาส่วนหนึ่งจากหนังสือ Keep Climbing

932FAEA97B404272BDCF35550F931519

*************************************************

สำหรับปอ ทฤษฎี เราเชื่อว่า เขาจะผ่านความยากลำบากนี้ไปได้ครับ

Be the first to comment

Leave a comment

Your email address will not be published.


*


This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.