Wassily Kandinsky (วาซีลี คันดินสกี) คือใคร? +พร้อมประวัติและผลงาน

วันนี้เรามีประวัติของบุคคลท่านหนึ่งคือ Wassily Kandinsky (วาซีลี คันดินสกี) หลายคนอาจจะอยากรู้ว่า เขาคือใคร และมีประวัติหรือผลงานใดที่น่าสนใจบ้าง ทาง Zcooby เลยอยากจะขอแนะนำเรื่องราวที่น่าสนใจของท่านผู้นี้นะครับ

Wassily Kandinsky  คือใคร?

หากกล่าวถึงชายคนนี้ ถือได้ว่า เขาเป็นต้นศิลปินผู้ให้กำเนิดศิลปะแนวนามธรรม (abstract expressionism) และถือได้ว่า เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในวงการศิลปะคนหนึ่งของโลก และวันที่ 16 ธันวาคม 2558 ถือว่าเป็นวันครบรอบวันเกิดครบ 148 ปี ครับ

วาซีลี คันดินสกี

ประวัติของ Wassily Kandinsky

Wassily Kandinsky  (วาซีลี คันดินสกี)  ชื่อภาษารัสเซียคือ Васи́лий Васи́льевич Канди́нский เกิดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2409  ที่กรุงมอสโคว โดยพ่อเป็นพ่อค้าขายน้ำชามาจากไซบีเรีย แม่ของเขาเป็นคนกรุงมอสโคว ซึ่งต่อมาหลังจากเขาเกิดได้ 3 ปีพ่อแม่ของเขาได้หย่าร้างกัน

ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ 7 ปี เขาได้เข้าเรียนเปียโนและเชลโล่ที่ Grammar School ในเมือง Odessa และได้มีโอกาสเรียนจิตรกรรมตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เมื่อเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่ Moscow University ในปีพ.ศ. 2429 เขาได้เรียนในคณะเศรษฐศาสตร์และกฎหมาย ซึ่งเน้นศึกษาเรื่องสังคมวิทยา ชาติพันธุ์วรรณนา และกฎหมายของเกษตรกร ในจังหวัด Vologda และเขาได้เขียนวิทยานิพนธ์ของเขาเกี่ยวกับกฎหมายค่าจ้างของคนงาน

เมื่อเขาอายุ 29 ปี เขาได้เห็นศิลปะภาพวาดแนว impressionist ของจิตรกรฝรั่งเศสเป็นครั้งแรก ทำให้เขารู้สึกประทับใจกับงานศิลปะชิ้นนั้นมาก จากเหตุการณ์นั้นทำให้เขาตัดสินใจไม่ทำงานเป็นอาจารย์ของทางมหาวิทยาลัย โดยหันมาเป็นจิตรกรวาดภาพ จนเมื่อเขาอายุได้ 31 ปีจึงได้เดินทางไปยังมิวนิก ประเทศเยอรมนี เพื่อทำการศึกษาเทคนิคการวาดภาพกับจิตกรงานศิลปะแนว Art Nouveau (นวศิลป์) อย่าง Anton Azbe และ Franz von Stuck ทำให้เขาได้ซึมซับเทคนิคการวาดภาพแนวนี้มาด้วย

โดยเมื่อเรียบเรียงไทม์ไลน์ของเขา เราจะเห็นได้ดังนี้

ปี พ.ศ. 2439 เขาได้เข้าทำงานในสำนักกฎหมาย

ปี พ.ศ. 2443 ได้ย้ายไปยังกรุง München  และที่นั่นเขาได้เจอกับโรงเรียนศิลปะเข้าเรียน

ปี พ.ศ. 2444 – 2447 เขาได้เข้าร่วมกับกลุ่มศิลปินที่เรียกตัวเองว่า”Phalanx”

ปี พ.ศ. 2449-2450 เขาได้เดินทางไปเมืองต่างๆ อย่างฮอลแลนด์,ตูลิสและเมืองอื่นๆ โดยเขาได้ใช้เวลาเป็นปีอยู่ที่กรุงปารีส และเขาได้สถาปนากลุ่ม”Neue Künstlervereinigung München” กับ Gabriele Münterโดยเขาเป็นประธานกลุ่ม อยู่ในเมือง Munich และ Murnau

ปี พ.ศ. 2454 เขาและศิลปินคนอื่นๆได้ออกจาก New Artist เพื่อไปสมาคมกับฟรานซ์ มาร์ก Franz Marc เพื่อร่วมกันร่างบทบรรณาธิการเพื่อแก้ไขปฏิทินบันทึกเหตุการณ์ของ Der Blaue Reiter ในปีเดียวกันหนังสือที่ชื่อüber das Geistige in der Kunst (On the Spiritual in Art) ของเขาก็ได้ถูกตีพิมพ์ และในปีต่อมาบทบรรณาธิการของปฏิทินบันทึกเหตุการณ์ของ Der Blaue Reiter บทแรกก็ได้ขึ้นตามมา หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้น เขาได้ไปยังประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และกลับไปยังกรุงมอสโคว ที่ซึ่งเขาได้จัดองค์กรและสถาบันหลังจากเหตุการณ์ปฏิวัติในเดือนตุลาคม

ปี พ.ศ. 2464 เขากลับไปอยู่ที่ประเทศ Germany กับ Nina ภรรยาคนที่ 2 ของเขา

ปี พ.ศ. 2465 เขาได้อยู่ในที่กรุง Weimar และได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ของ Bauhaus และในกรุง Weimar เขาได้เข้าร่วมกลุ่ม Der Blaue Vier (The Blue Four) ที่มีสมาชิกรวมทั้งพอล คลี Paul Klee และอเล็กซ์ วอน จาวเลนสกี Alexej von Jawlensky ผู้ซึ่งที่เขาได้เจอครั้งแรกที่เมือง Munich ในปีก่อนและเป็นเพื่อนร่วมงานใน Bauhaus

ปี พ.ศ. 2469 เขาได้เผยแพร่หนังสือของเขาที่ชื่อ Punkt und Linie zu Fläche

ปี พ.ศ. 2471 เขาได้มีโอกาสออกแบบรูปแบบการแสดงผลงานของ Mussorgsky ที่งานนิทรรศการในโรงละครเมือง Dessau และเมื่อ Bauhaus ได้ถูกปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์ในปี 1933 โดยกลุ่มสังคมนิยมแห่งชาติ เขาจึงอพยพย้ายไป Neuilly-sur-Seine ใกล้ๆกรุงปารีส ที่ซึ่งเขาได้จัดงานนิทรรศการงานเดี่ยวที่สร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติให้แก่เขา

ปี พ.ศ. 2472 เขาได้เดินทางไปเยี่ยม Paul Klee ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

ปี พ.ศ. 2480 และเขาได้ย้ายไป Cautereets ใน Pyreneesเป็นการชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงจากถูกโจมตีของ Germans หลังจากนั้นเขาก็ย้ายกลับมา Neuilly-sur-Seine และอาศัยอยู่ที่นั่นจนเขาเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2487

แนวทางด้านศิลปะของ Wassily Kandinsky

ในปี พ.ศ. 2464 โดยเขาเริ่มพัฒนาทัศนียภาพ ของงานภาพเขียนของ Neo Impressionist ซึ่งรับอิทธิพลจาก Jugendstil โดยเฉพาะช่วงต้นก่อนที่มีแนวโน้มไปเป็น Abstraction และเมื่อเขาได้ผันตัวไปทำงานด้าน Abstract painting เขาได้มีงานเขียนของเขาชื่อ Rapprochement

ย้อนไปเมื่อปี  พ.ศ. 2453 เขามีเหตุผลทฤษฎีและแนวคิดในงาน Abstract painting ของเขาเกี่ยวกับการรวมกันของความรู้เรื่องเทววิทยาและทฤษฎีเชิงวัฒนธรรม นำมาใช้ร่วมกันจนเกิดสุนทรียศาสตร์ในงาน Abstract painting ของเขา เขาได้นำคติจากนิทานพื้นบ้านมาใช้ในงานศิลปะตั้งเขาได้ไปอยู่ในจังหวัด Russian เขาได้รับวัฒนธรรมที่เรียบง่ายจากการพยายามที่จะวาดภาพตามคติประเพณีดั้งเดิมจากการที่เขาไปอยู่บ้านใหม่ของเขาใน Murnau ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับเดอะ บลู ไรเดอร์ Der Blaue Reiter ที่พวกเขาไม่เน้นเรื่องรูปทรง แต่จะเน้นเรื่อง Exotic และ Artistic คติความเชื่อแบบพื้นบ้านยังแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของ Abstraction ที่มันมีมากกว่าการวางแบบแผนที่สมมาติ ซึ่งนี่ก็เป็นลักษณะเด่นของงานในช่วงหลังของเขาในศตวรรษที่ 20 เป็นต้นไป

ผลงานนวศิลป์ของเขา ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นศิลปะพื้นบ้านของรัสเซีย ดังจะเห็นได้จากการใช้สีต่างๆ ประชันกัน บนผืนผ้าใบ สำหรับสไตล์การวาดนั้น Kandinsky มีความคิดว่า ศิลปะคือสิ่งที่ไม่แสดงว่าเป็นภาพของอะไรเลย นอกจากความรู้สึกเท่านั้น ดังนั้นภาพของเขาบางภาพจึงดูไม่ออกว่าเป็นรูปภาพของอะไร

ผลงานของ Wassily Kandinsky

ผลงานที่ชื่อว่า “Black Lines”

ผลงานที่มีชื่อว่า “Composition VII”

ผลงานที่มีชื่อว่า “Dreamy Improvisation”

ผลงานที่มีชื่อว่า “Composition VIII”

ผลงานที่มีชื่อว่า “Penetrating Green”

Be the first to comment

Leave a comment

Your email address will not be published.


*


This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.