#ทัวร์ขอทาน – เมื่อชายหนุ่มสองคนออกเดินทางจากกทม.ไปยังภูทับเบิก โดยไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว (เรื่องเล่าจากพันทิป)

ก่อนอื่นต้องขออธิบายจุดประสงค์และเจตนารมณ์ในการออกเดินทางครั้งนี้

การเดินทางครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อที่จะเปิดมุมมองใหม่ๆในการโบกรถเที่ยวเพื่อที่จะต้องการถ่ายทอดความมีน้ำใจของคนไทยให้ได้รับรู้กันว่าคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยที่มีน้ำใจ ผมต้องขอแนะนำตัวเองก่อน ผมชื่อเดฟครับ ได้ร่วมเดินทางไปกับพี่เบสซึ่งเป็นรุ่นพี่ของผม เราสองคนได้ออกเดินทางในช่วงเวลา 11 โมงโดยประมาณ จากเสรีไทย 29 มุ่งหน้าสู่ภูทับเบิก

ปล.อย่าเบื่อขี้หน้าผมนะครับ ผมแคปรูปมาจากวีดิโอเลยมีแต่ภาพเซลฟี่
ผมและพี่เบสได้เดินออกมาถึงหน้าปากซอยเพื่อที่จะหารถเมล์ฟรี ออกไปยังเส้นทางที่สามารถโบกรถไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์ แต่กลับพบว่าถนนเส้นนี้มีรถเมล์วิ่งแค่ 2 สาย ก็คือ 27 และ 525 ซึ่งทั้งสองสายนี้ไม่มีรถเมล์ฟรีเลย ซึ่งข้อมูลนี้ผมได้สอบถามจากลุงที่เดินมารอรถเมล์ ลุงชื่อว่าลุงบุญยงค์ ในระหว่างรอผมกำลังตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อไป ลุงก็ได้สอบถามกับผมว่าถ่ายรายการอะไร ผมก็ได้อธิบายให้ลุงได้ฟังไปจากที่ฟังคร่าวๆมาลุงแกชอบทำงานจิตอาสาอยู่แล้วเป็นปกติ

ลุงเลยช่วยออกค่าตั๋วให้พวกเราสองคนเพื่อที่จะไปลงทางขึ้นมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าไปยังจุดที่สามารถโบกรถได้

พอเราสองคนได้ลงจากรถเมล์ ก็เลยตัดสินใจโบกรถดูเป็นครั้งแรกเลยครับ ตอนแรกกล้าๆกลัวๆยึกยักอยู่นานคิดในใจ เอ้ จะมีคนรับหรอ ขนาดเราขับรถเองเห็นคนโบกอยู่ขับไปผ่านไปทุกรอบเลย

พี่เบสบอกว่าเดฟโบกเลย ถ้าไม่ลงมือทำซักทีก็ไม่มีทางโบกได้เลย พอชูนิ้วโป้งมานั่นแหละครับ จำท่านี้มาจากในหนัง ไม่เกินนาทีแค่นั้น พี่เขาจอดรับ คิดในใจว่า เหยยยยยยยยยยย ง่ายไปมั้ยเนี่ย พอพี่เขาจอดปุ้บเราก็ดีใจมากก็วิ่งไปที่รถ เขาก็ถามว่าจะไปทางไหน ผมเลยบอกว่าจะไปทางบางปะอิน แต่พี่เขาจะมุ่งหน้าไปทาง แจ้งวัฒนะ ผมเลยขอติดรถไปลงดอนเมือง

พอลงจากดอนเมืองก็ข้ามฝั่งเพื่อไปยังฝั่งขาออกจนได้โบกรถเมล์สาย 29 เพื่อไปลงรังสิต ผมมาลงแถวแมคโครรังสิตเพื่อโบกรถต่อ

 

ผมมาลงแถวแมคโครรังสิตเพื่อโบกรถต่อ ตอนนี้เวลาประมาณเกือบๆบ่ายโมง เริ่มรู้สึกคอแห้งเลยไปขอน้ำกินจากร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง

 

หลังจากที่กินน้ำเสร็จแล้วก็ตัดสินใจเดินไปเรื่อยๆสลับโบกรถจนได้พี่ผู้ชายเขาจอดรถแล้วถามว่าเราจะไปไหน

พี่เขาจะไปทางบางปะอินเลยขอติดไปลงตรงนั้นด้วย หลังจากนั้นก็โดดขึ้นท้ายกระบะ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากที่ได้ตากลมเย็นๆ ในตอนนั้นผมหลับตาลงในหัวผมไม่คิดอะไรเลย ผมดีใจที่ได้ปลดปล่อยตัวเองที่ได้ออกมาใช้ชีวิตอย่างที่เคยฝันมาตลอดในวันนี้มันเกิดขึ้นแล้ว

ผ่านไปซักพักก็ได้มาถึงระหว่างทางแยกไปสระบุรีกับบางปะอินเลยต้องขอลงตรงนั้น ถึงจุดแอบโบกยากนิดนึงเพราะเราอยู่ฝั่งที่คนจะเลี้ยวไปทางบางปะอินซะส่วนมากเลยข้ามมาเกาะกลางเพื่อโบกต่อไป

ซักพักครับบ รถบรรทุกจอดครับ นี่แหละที่รอมานานชีวิตผมเหมือนเข้าไปอยู่ในหนังแล้วเหมือนเด๊ะเลย แต่ติดตรงที่ว่าหนังแบบนั้นจะเป็นแนวฆาตกรรมซะส่วนใหญ่ ไอเราก็ภาวนาขออย่าให้ตามรอยก็พอ 55555555 ต้องขอบอกว่าการขึ้นรถบรรทุก

บรรยากาศบนรถบรรทุกนี่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่บนเครื่องออกกำลังกายซักอย่าง เพราะมันเด้งไม่หยุด พี่คนขับมากับลูกชายตัวน้อยน่ารักมาก ผมแอบเล่นจะเอ๋กับน้องสนุกดี

ขับไปประมาณเกือบชั่วโมงซักพักพี่เขาก็แวะเติมแก๊สผมเลยขอลงตรงนั้น แล้วก็พยายามเดินหารถที่มีป้ายเพชรบูรณ์หรือใกล้เคียงเพื่อขอติดรถไปด้วยเดินวนๆไปมาซักพักเมื่อมันไม่มีก็เลยออกเดินต่อ

ระหว่างที่กำลังเดินออกจากปั้มมีรถตู้จอดแล้วก็ถามว่าเราจะไปลงตรงไหนเลยบอกพี่เขาไปพี่เขาจะไปแถวๆลพบุรี บรรยากาศในรถรู้สึกตึงๆเพราะมีคนในรถเยอะพอสมควร ผู้ชายทั้งคัน ในใจผมก็รู้สึกกลัวๆเหมือนกัน บวกกับพัดลมที่อยู่บนหัวนี่เรียกว่าเยือกได้เลย เป่าลงหัวรู้สึกเหมือนโดนแช่แข็งทั้งอากาศและความรู้สึก

ปล.ไอพัดลมบนหัวผมนี่แหละครับ ทำเอาอึนๆไปเลย

เมื่อผ่านมาได้ซักพักก็ลงตรงแยกม่วงค่อมเพื่อโบกต่อหาคันใหม่ ฝนตกปรอยๆสลับหนักไปๆมาๆ   โบกรอบนี้รู้สึกนานพอตัว เลยคุยกับพี่ที่อยู่ที่ศาลาไปพลางๆแก้เหงา พอเริ่มรู้สึกว่ามันนานเกินไปเลยตัดสินใจเดินเท้าออกไปเรื่อยจนได้รถตู้อีกคันซึ่งเป็นรถโรงเรียน รู้สึกว่าน่าจะเป็นโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ซักอย่าง ซึ่งเขากำลังจะไปรับนักเรียน

ผมเลยติดรถไปลงแถวแยกนาเฉลียง ฝนก็ยังตกไม่หยุด ยังคงตกเรื่อยๆ พอลงจากรถเสร็จแล้วก็โบกสเต็ปเดิม แต่คราวนี้ผมขอบอกเลยว่ามันนาน นานจริงๆครับ เลยเดินไปเรื่อยๆ ไกลพอสมควร ถนนมีหลุมเป็นร่องของล้อเนื่องจากน้ำหนักรถบรรทุกจนทำให้มีน้ำขัง รถแต่ละคันที่ผ่านมาบ้างก็ชะลอไม่ให้น้ำกระเด็นใส่แต่บางคันก็ใส่มาซะเต็มที่ สงสัยคงคิดว่าผมเล่นเซิร์ฟบอร์ดอยู่ แบบว่าเห้ยยยยชะลอหน่อยก็ดี

ทั้งตัวตอนนี้เปียกชุ่มหมดเลยรับกางเกงใน เสื้อ รองเท้านี่ไม่ต้องพูดเลยครับทั้งเหม็นทั้งแฉะ โสโครกที่สุด ที่สำคัญคือกระเป๋าผม ยิ้มไม่กันน้ำ! เสื้อผ้าที่เตรียมมาเปียกโชกหมดเลย ทั้งอับทั้งชื้น เดินผ่านมาซักพัก เห็นรถจอดข้างหน้าเหมือนเขาจะสองจิตใจรับดีมั้ยหรือไม่รับ และแล้วครับในที่สุดเขาก็หยุดรถ พวกผมก็วิ่งดีใจกันใหญ่เลยครับ วิ่งไกลพอควรจนหอบ พอไปถึงพี่เขาลงมารถ ไอเราก็เริ่มรู้สึกแป้วว เงิบแน่เลยเรา เลยถามพี่เขาว่า พี่ไม่ได้จอดรับผมหรอครับ “ค่ะ” คำนี้ได้ยินมาถึงกับหน้าแหก 5555555555  วิ่งมาเต็มที่เจอแบบนี้เอ๋อเลยครับ พี่เขาก็ถามเราว่าจะไปไหน เดี๋ยวเขาเข้าไปทำธุระตรงนี้ซักพัก ผมเลยขอบคุพี่เขาและแล้วก็ต้องเดินจากพี่เขาอย่างผิดหวัง มุ่งหน้าเดินต่อไปเรื่อยจนในใจเริ่มคิดแล้วจะไปถึงมั้ยวันนี้ทั้งทางไม่มีอะไรเลย จะเอายังไงดี แล้วฝนก็ยังคงตกต่อเนื่องอยู่ตลอด เดินไปเรื่อยจนมีรถกระบะใจดีจอดครับบบบบบบบบบบบบบบ วิ่งเข้าไปหาพี่ไปไหนคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ

สรุปคือพี่เขาจะไปแถวนาเฉลียงเลยขอติดรถเขาไปด้วย พี่ใจดีคนนี้ชื่อว่าพี่โล ผมขอเฟสบุ้คพี่เขามาด้วย ระหว่างทางก็ได้คุยกันไปเรื่อยๆ

เขาก็ถามว่าเรามาทำอะไร เราก็เลยอธิบายๆไป ตอนนั้นก็เริ่มหิวพอใช้ได้เลยขนมจีนมื้อเช้ามันไม่อยู่ท้อง ซักพักพี่เขาก็เลี้ยงไก่ย่างวิเชียรบุรี รู้สึกว่ารอดตายแล้ววันนี้ ไก่ย่าง 2 ตัวพร้อมข้าวเหนียว 2 ห่อ พี่เขาบอกว่าเนี่ย ไก่ย่างวิเชียรบุรีทีเด็ดเมืองเพชรบูรณ์

พอได้กินนี่ขอบอกเลยว่าอร่อยจริง ได้ยินชื่อมานานมากแล้ว แต่ไม่เคยสัมผัสจริงๆซักที กินไปครึ่งนึงแล้วก็เก็บที่เหลือไว้เผื่อมื้อต่อไป

นั่งรถผ่านไปเรื่อยๆจนมาถึงแยกนาเฉลียงก็ลงตรงแยกแล้วก็เดินต่อสลับก่อนโบกรถไปเรื่อยๆ ตอนนั้นฟ้าเริ่มใกล้จะมืดแล้วเลยตัดสินใจเดินไปจนเจอวัดกะไว้ว่าจะขอหลวงพ่อนอนวัดแล้วตื่นมาเราก็ทำความสะอาดวัด ช่วยหลวงพี่บิณฑบาตเพื่อชำระหนี้สงฆ์ ระหว่างที่เดินไปเรื่อยๆมีรรถกระบะจอดรับครับ ในรถมี 3 คน ผู้ชาย 2 ผู้หญิง 1 พี่เต้ พี่นิว พี่บอย พี่ๆเขาก็ขยับให้พวกผมได้นั่งอัดกันข้างใน ไม่ต้องนั่งท้ายรถ ระหว่างทางก็คุยกันทั่วไป

แล้วพี่เขาก็แวะเข้าเมืองเพชรบูรณ์ไปแถบๆคูเมืองเพื่อไมโลดิบแสนอร่อย 555555 แวะเข้ามาไกลพอควรแสดงว่ายิ้มต้องเด็ดจริง ระหว่างที่รอพี่ๆซื้อของผมก็ถ่ายรูปเล่นเมืองไปเรื่อยๆแต่ที่น่าประทับใจมากครับ น้ำใจพี่ๆเขางดงามเหลือหลาย เขากลับมาพร้อมไมโลดิบ 5 แก้วครับ ผมรู้สึกปลื้มมาก คนแปลกหน้าที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน ทั้งรับ ทั้งเลี้ยงน้ำ แต่บอกไว้ก่อนเลยครับแค่นี้น้อยมากครับสิ่งที่ผมกำลังจะได้รับมันมหาศาลมากกว่านี้เยอะ หลังจากซื้อไมโลดิบเราก็เดินทางต่อ ผมลืมบอกไปว่าบ้านพี่เขาอยู่หล่มเก่าครับทางขึ้นภูทับเบิกพอดีเลย อะไรจะโชคดีขนาดนี้ ผมได้ขอให้พี่เขาไปส่งวัด เพื่อที่จะหาที่นอน พี่เขาก็บอกว่าบ้านพี่ติดวัดเลย ทั้งดวงทั้งน้ำใจ ทุกๆอย่างที่เจอรู้สึกดีมากๆครับ พอถึงบ้านพี่เขาตอนนั้นก็ประมาณหัวค่ำได้ พระอาทิตย์ตกแล้ว ตอนแรกผมจะขอนอนที่วัดแต่พี่เขาบอกนอนบ้านพี่นี่แหละ ทั้งยังให้นอนข้างในด้วยครับ แต่ผมมีเต็นท์เลยขอกางนอนข้างนอก

กางอะไรเสร็จท้องก็เริ่มหิวนึกขึ้นได้ว่ามีไก่ย่างจากพี่โล เลยไปหยิบมากินและแล้วไข่เจียวก็มาให้ผมเลยครับ พี่นิวทำให้กินครับ ได้ไข่เจียวมาเสร็จพี่เขาเอาพัดลมมาให้ พร้อมปลั๊กสามตา
เหมือนรู้ใจผมเลยครับว่าตอนนี้ต้องการแบตเตอรี่เพื่อชาร์จกล้องและมือถือ อยู่ๆพี่เขาก็ขับมอเตอร์ไซค์ออกไปข้างนอกแล้วก็กลับมาพร้อมขนมที่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจ ผมซาบซึ้งมากๆครับ แต่ยิ่งกว่านั้นคือพี่เขาหาผ้าห่มหมอน ต่างๆเอามาให้ผมแล้วก็อาสาว่าพรุ่งนี้พี่จะขึ้นไปส่งบนภูทับเบิกแล้วก็จะพาไปเลี้ยงข้าวเช้า โอ้โหหหหหหหหหห โคตรพ่อพระครับพ่อแม่พี่น้อง คนอะไร๊จะมีน้ำใจกว้างดั่งแม่น้ำไนล์ขนาดนี้ ใจกว้างมากกกกกกกกก ผมเข้านอนประมาณ 4 ทุ่ม แล้วก็ตื่นมาตอนประมาณ ตี 1.45 เพราะเจ้าหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่เขาเลี้ยงไว้อยู่มันเห่า เห่า เห่า เห่า ไม่หยุดไม่หย่อน ไอเราก็กลัว ข้างบ้านเป็นวัด เห่า ขู่ โคตรกลัวเลยครับ นีเห่าอะไรนักหนา นอนไม่หลับ แถมยังกลัวอีก ซักพักก็หลับไปเลย รู้สึกหลับยังไม่ค่อยเต็มอิ่มเท่าไหร่มาอีกแล้วครับ ไก่จ๋าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ขันแต่เช้าสรุปแทบไม่ได้นอนเลยตัดสินใจตื่นเลย ไปอาบน้ำ เปิดกระเป๋ามาอ้าววววตายล่ะเรา ลืมผ้าเช็ดตัวครับใช้เสื้อตัวเก่าสีดำเช็ด เหม็นและสกปรกมากแต่ก็ต้องทน น้ำนี่คือหนาวมากก แต่บ้านนี้รักษาความสะอาดดีมาก ห้องน้ำบ้านช่องสะอาดมากครับพออาบเสร็จก็มาเก็บผ้าปูที่นอนผ้าห่ม และกวาดบ้านให้พี่ๆเขา แล้วก็ออกเดินทางไปร้านขนมจีนเพชรลดา 3 ซึ่งพี่เขาเป็นเจ้าของร้าน ขอแอบโปรโมทหน่อยนะครับ

ร้านอยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช น่าจะประมาณนี้ถ้าจำไม่ผิด ก่อนถึงปั้มปตทมานิดหน่อย ขนมจีนที่นี่เป็นเส้นสดไม่เหมือนที่กทม. เลยครับ เขาหมักเองทำเส้นเองทุกอย่าง ต้มน้ำให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสมถ้าร้อนมากหรือเย็นไปเส้นขนมจีนจะขาด ที่นี่ มีน้ำยากะทิ น้ำพริก และก็น้ำยาป่า เครื่องเคียงที่นี่มี ตีนไก่ เลือดชิ้นยักษ์ และ โคตรลูกชิ้นพี่เบิ้ม ใหญ่มากกก สรุปรสชาติหลังจากอิ่มแล้วก็มุ่งหน้าขึ้นภูทับเบิกเลยครับ

ผมขอนั่งท้ายเพื่อที่จะได้รับบรรยากาศและวิวทิวทัศน์ได้เต็มที่ ระหว่างทางไปภูทับเบิกทุ่งนา ภูเขา ต้นไม้ สวยงามมาก

พอเริ่มขึ้นเขาอากาศก็ค่อยๆเย็นลงเรื่อยๆ จนมาทุ่งจุดชมวิวพี่เขาจอดให้เราถ่ายรูปกัน สวยมากครับ นี่แค่วิวแรกก็ประทับใจมากแล้วสวยใช้ได้เลย วิวนี่ราคาหลักล้านนเสร็จแล้วก็เดินทางต่อ แวะอีกจุดชมวิว หมอกกกกครับ เยอะมาก อากาศหนาวแบบน่าตกใจ เห้ยย ข้างบนกับข้างล่างทำไมคนละเรื่องขนาดนี้ จุดชมวิวนี้มีตลาดขายของของชาวม้ง จะขายของจำพวก ผ้าพันคอ ย่าม บัวหิมะ และ กะหล่ำนี่แหละ ภูทับเบิกมีแต่ไร้กะหล่ำครับ ถือว่าเป็นจุดขายของที่นี่เลย เพราะเวลาปลูกแล้วกะหล่ำโต วิวจะสวยมากกกก หลังจากออกจากจุดชมวิวนี้ก็ขึ้นเขาไปต่ออีกไม่ไกลมาก ก็ถึงจุดสูงสุดภูทับเบิก อากาศ 18 องศา ครับ หมอกปกคลุมทุกพื้นที่บนยอดภูทับเบิก ลมแรงมากมาพร้อมกับเม็ดฝนปรอยๆ หนาวโคตรขอบอกปรับสภาพแทบไม่ทัน หลังจากเจอร้อนๆมามาเจอแบบนี้แอบตกใจนิดนึง หลังจากเที่ยวยอดภูทับเบิกแล้วก็ไล่ขับหาที่พัก มีนามว่า ไร่ภูทะเลหมอก จริงๆแล้วที่พักยิ้มอยู่ข้างๆยอดนั่นแหละ แต่ดั๊นนนนไม่เห็น ขับรถออกมาเลยไปไกลพอตัวจนไปถึงวัดป่าภูทับเบิกซึ่งเป็นวัดที่อยู่สูงสุดของประเทศไทย หลังจากเที่ยวชมวัดครบแล้วก็กลับมาหาที่พักใหม่ และแล้วก็ถึงเวลาแยกย้ายกับพี่เต้ พี่นิว พี่บอย

ก่อนหน้านี้เราได้โพสต์รูปลงไว้ในกรุ๊ปเฟสบุค แบกเป้เที่ยว แล้วมีพี่ต้าร์ติดต่อมาทางแชทเฟสบุ้คส่วนตัว ขอจ่ายค่าที่พักให้ ซึ่งตกแล้วราคา คนละ 100  บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 200 บาท พร้อมกับฝากขนมต่างๆนานาๆไว้ให้ มีโจ๊ก มี ไวไว นม และอีกมากมาย ไม่เคยเจอหน้า ไม่เคยพูดคุย ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่กลับใจกว้างเช่นนี้ เปรียบปานแม่น้ำโขงเลยครับ 55555555  ไปถึงจุดกางเต็นท์มีแค่พวกเราครับที่กางเต็นท์เหงาและโดดเดี่ยวมาก

ติดกับจุดกางเต็นท์เดินไปอีกนิดก็มีไร่กะหล่ำ ผมเลยลงไปวิ่งเล่นในไร่กะหล่ำ อากาศและบรรยากาศนี่สุดสุดเลยครับ สวยงามและประทับใจสุดๆ
เดินวนไปมาซักพักก็เหลือบไปเห็นรีสอร์ทข้างๆ มีระเบียงริมผา คือสวยมาก รีสอร์ทมีชื่อไร่ริมผา ผมเลยเดินไปตรงนั้นวิวสวยมาก แต่ตอนนั้นไม่มีทะเลหมอก แค่นี้ก็สวยงามมากแล้ว ขาดแต่ทะเลหมอกที่จะทำให้มันเพอร์เฟคสุดๆเลยแหละ

พอเดินครบแล้วก็กลับมานั่งกินขนมที่เต็นท์ฆ่าเวลาไปพลางๆ หมอกกับฝนมาเป็นระยะๆ มาๆ หายๆ คงซวยที่เราไปช่วงที่พายุหว่ามก๋อเข้ามาพอดี เลยทำให้หมอกและฝนหนักขนาดนี้ พอเริ่มตกเย็นอากาศก็เริ่มหนาว เปิดดูในไอโฟน 17 องศา เสียงท้องร้องเริ่มมา ก็เลยเอาโจ๊กกับไวไวพี่ต้าร์ไปต้มกิน เค้ามีโต๊ะให้นั่งพร้อมกับถ้วยมาให้

นั่งกินซักพักอากาศเริ่มหนาวขึ้น พี่ชาวม้งที่เป็นคนดูแลที่นี่ เค้าเห็นเราหนาวเลยยกผ้าพันคอสุดสวยที่มีสีสันเจ็บแสบมากให้พวกผมคนละผืน และก็กลับเข้าเต็นท์นอนรอทะเลหมอกสุดอลังการในตอนเช้า แต่ยังไม่จบครับ ฝนและลมมเริ่มแรงทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่ได้เตรียมเสื้อหนาวมา มีแต่กางเกงขาสั้น โอ้ยยยจะเป็นบ้าตายครับ หนาวโคตรรรรรรร น้ำฝนเริ่มทะลุเข้ามาในเต็นท์ จากเต็นท์ที่คอยเป็ฯที่กำบังให้เรามาตลอดตอนนี้มันเอาไม่อยู่แล้วครับ น้ำเริ่มท่วม กระเป๋าเสื้อผ้าทุกอย่างเปียกหมดแม้แต่กล้อง TT ความชื้นเข้าเลนส์ ผมกับพี่เบสอดทนกันจนหลับไปเฉยเลย สุดท้ายพี่เมย์แฟนพี่เบสที่ขับรถมาจากกทม.เพื่อมารับพวกเรา มาถึงแล้ววววในเวลาตี 1 ทางขึ้นเขาอันตรายมาก ไม่แนะนำให้ขับในเวลาตอนกลางคืนเพราะหมอกลงจัดมากทำให้มองไม่เห็นทางเลย มาพร้อมกับผ้านวมและหมอน แต่ฝันร้ายที่ตามมาคือต้องออกไปกางเต็นท์อีกอันให้พี่เมย์ หนาวโคตรครับ กางเต็นท์กลางสายลมและฝน จากนั้นก็หลับตื่นมาอีกทีทุกอย่างชุ่มและแฉะไปหมดเลย นอนกลางน้ำบนยอดเขามันเป็นอะไรแสนสุดวิเศษสุดๆ ตอนนั้นเป็นเวลา 6 โมงเช้าซึ่งหมอกและฝนยังคงตกต่อเนื่องได้แต่นอนเปียกๆทำใจว่าคงไม่เจอทะเลหมอกแน่นอน  แต่ก็ยังไม่ตัดใจเลยรอต่อไปจนถึง 8.30 มันก็ยังเป็นเหมือนเดิม เลยตัดสินใจขึ้นไปบนยอดภูทับเบิกอีกรอบเพื่อไปดูให้เห็นกับตาว่าอดแล้วทะเลหมอกเรา ภูทับเบิกครั้งนี้ต้องลาแล้วบรรยากาศแบบนี้เลยนั่งรถพี่เมย์ที่บึ่งมารับจากกทม. ระหว่างทางลงได้แวะถ่ายรูปอีกทีที่ดอยน้ำเพียงดิน แล้วก็ไปกินขนมจีนเพชรลดา 3 ของร้านพี่เต้ พี่นิว อีกรอบเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณอันล้นเหลือที่ได้รับมา

จบแล้วครับทริปแรกของพวกเรา ขอขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือพวกเราให้เป้าหมายเราได้ลุล่วง ทั้งพี่บุญยงค์ พี่โล พี่เต้ พี่นิว พี่บอย และ พี่ๆอีกหลายคนที่ผมไม่ได้ถามชื่อ และผมขอถือโอกาสตรงนี้กราบขออภัยทุกๆท่าน

 

Readers Comments (1)

  1. กระแสตีกลับเฉยเลย ผมว่าเขาเลียนแบบที่ฝรั่งเค้าทำ เห็นมีที่ฝรั่งทำออกทีวีนะ แต่พอมาทำแบบเดียวกันกับคนไทย ดราม่าเลย

    Reply

Leave a comment

Your email address will not be published.


*


This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.