5G คืออะไร? ดีกว่า 4G อย่างไรบ้าง?

ในช่วงหลังนี้ ผู้ใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ อาจจะเคยได้ยินคำว่า “5G” อยู่บ่อยครั้ง แต่หลายคนสงสัยว่า มันคืออะไร? แตกต่างจากระบบ 4G ที่เราใช้อยู่ปัจจุบันนี้อย่างไร? ทาง Zcooby ขอนำเสนอข้อมูลเรื่องนี้ให้ทราบ

5G คืออะไร?

คำว่า G ย่อมาจากคำว่า Generetion โดย 5G ถือว่าเป็นยุคของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สาย ซึ่งแต่ละยุคจะเป็นดังนี้

  • 1G : ยุคเริ่มใช้โทรศัพท์มือถือระบบอนาล็อก
  • 2G : ยุคการเชื่อมต่อไร้สายแบบดิจิตอล นอกจากจะโทรคุยกันแล้ว เรายังสามารถส่ง SMS MMS ถึงกันได้
  • 3G เป็นยุคที่มือถือของเราสามารถใช้โทรศัพท์เล่นอินเทอร์เน็ตได้ (ด้วยความเร็วระหว่าง 220 kbps ถึง 42.2 Mbps)
  • 4G เป็นยุคที่การเชื่อมต่อหลากหลายและรวดเร็วขึ้นหลายระดับ เช่น 4G LTE (100 Mbps), 4G LTE Cat.4 (150 Mbps), 4G LTE Advanced (1,000 Mbps) ซึ่งเป็นยุคปัจจุบันที่ช่วยให้เรา ดูหนังออนไลน์,โหลดแอพพลิเคชั่น,สตรีมมิ่งเพลง ได้อย่างรวดเร็วและใช้เวลาน้อยลงมากขึ้น
  • 5G เป็นยุคที่ความเร็วของการเชื่อมต่อพัฒนาขึ้นไปอีกระดับจาก 4G

5G จึงเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายล่าสุดที่ถูกพัฒนาขึ้นจากเดิมไปอีกหลายระดับ มีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้

  • มีความเร็วสูงสุดที่ประมาณ 20Gbps (ตามทฤษฏี)
  • รองรับการเชื่อมต่อทุกสรรพสิ่ง หรือ IoT (Internet of Things)
  • เพิ่มความหนาแน่นต่อพื้นที่ให้มากขึ้นที่ประมาณ 1 ล้านอุปกรณ์ต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร (4G อยู่ที่เพียง 1 แสนอุปกรณ์ ต่อ ตร.กม.เท่านั้น)
  • ความเร็วในการตอบสนอง (Response Time) ไวขึ้น เหลือเพียง 1ms (4G อยู่ที่ 40ms)
  • รองรับเทคโนโลยี VR (Virtual Reality) หรือ AR (Augmented Reality) แบบเคลื่อนที่ได้ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อของออนไลน์ได้เหมือนไปอยู่ที่ร้านจริงๆ

ความแตกต่างระหว่าง 5G และ 4G

5G4G
ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 20 Gbps สูงสุด 1 Gbps
ดาวน์โหลดภาพยนตร์ 1 เรื่องใช้เวลา 3-4 วินาทีใช้เวลา 6 นาที
ดูคลิปวีดีโอออนไลน์ความละเอียดสูงแบบ 4K ราบลื่นกระตุก
รองรับ IoT (Internet of Things) รองรับ(ต้องใช้ Wi-Fi ช่วย)
ความเร็วในการตอบสนอง (Response Time) 1ms40ms

ประโยชน์ของ 5G

  • ดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น สามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์ทั้งเรื่องโดยใช้เวลาเพียง 3-4 วินาทีเท่านั้น
  • เข้าสู่ยุคการเชื่อมต่อทุกสรรพสิ่ง หรือ IoT (Internet of Things) ทำให้ทุกอุปกรณ์ที่อยู่รอบตัวเราสามารถเชื่อมต่อกันได้ง่ายและสะดวกขึ้นกว่าเดิม
  • สตรีมดูคลิปวีดีโอออนไลน์ความละเอียดสูงแบบ 4K ได้อย่างง่ายดาย ไม่สะดุด
  • ในด้านการเล่นเกม ปัญหาการแล็ค (Lack) จะหายไป ( Response Time = 1ms)
  • ปฎิวัติวงการรถยนต์ไร้คนขับ (Driverless Cars) ระบบ 5G จะทำให้การขับขี่รูปแบบนี้มีจะความปลอดภัยและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

Be the first to comment

Leave a comment

Your email address will not be published.


*


This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.